SOUL S-GEAR : Universal True wireless Earphone
SOUL S-FIT : Spot True Wireless Earphone
ยอมรับเลยครับว่า ในระยะหลังมานี้ตลาดหูฟังประเภทสอดใส่ในช่องหูมาแรงจริงๆ ครับ เพราะด้วยขนาดเมล็ดถั่ว ที่ใส่เข้าไปในหูได้ถูกพัฒนาคุณภาพเสียงให้ก้าวหน้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และ ผมติดตามแบรนด์ SOUL จากแรกเริ่มไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในประเทศไทยมากนัก ก็ก้าวขึ้นสู่ระดับความนิยมอันดับต้นๆ ไปแล้ว
ด้วยดีไซน์สวยงามกะทัดรัดมีเสน่ห์ คุณภาพเสียงครบถ้วนทุกรายละเอียด อีกทั้งราคาคุ้มค่ามากที่สุด ทั้งรับประกันคุณภาพจากตัวแทนจำหน่าย อย่างอัศวโสภณ สร้างความมั่นใจผู้ใช้งานว่า คุณจะได้แต่สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น
สำหรับหูฟัง หรือเอียร์โฟนรุ่นใหม่ มีสองรุ่นล่าสุดที่ผมได้รับมาทดสอบใช้งาน คือรุ่นแรก SOUL S-GEAR ที่มีรูปทรงกลมเล็กกะทัดรัด เหมาะกับการใช้งานในทุกสถานที่ ไม่ว่าจะอยู่ในขณะเดินทางหรือออกกำลังกาย ในทุกอิริยาบถ
เป็นหูฟังไร้สายในระบบบลูทูธ เวอร์ชั่น 5.0 ออกแบบให้ป้องกันน้ำสาดกระเซ็น ระดับ IPX4 สะดวกทั้งการฟังเพลง สนทนารับสายควบคู่ไปกับการใช้งานโทรศัพท์ มีตลับชาร์จที่ใช้งานทั้งชาร์จแบต และเก็บหูฟังเข้าที่ เพียงหยิบออกมาทำการจับคู่กับอุปกรณ์ หลังจากนั้น จะใช้งานครั้งต่อไปได้อย่างอัตโนมัติ ใช้งานได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง
ในสภาวะทั่วไปหลังจากชาร์จแล้ว จะใช้ต่อเนื่องได้ 6 ชั่วโมง และชาร์จซ้ำกับตลับหูฟังได้อีกสามรอบ รอบหนึ่งใช้งานได้ 6 ชั่วโมง รวม 24 ชั่วโมง เรียกว่า เหลือพอสำหรับหนึ่งวันที่แสนสะดวกสบายเพลิดเพลินของคุณ
ออกแบบมาพร้อมอุปกรณ์เสริม ห่วงนิรภัยพวงกุญแจ ให้เราสามารถคล้องหูฟังไว้ที่กระเป๋า หรือหูเข็มขัด เพื่อความสะดวกในการใช้งาน และอยู่เคียงข้างกายของเราอยู่ตลอดเวลา
มีซิลิโคนหูฟังหลายขนาด สามารถถอดเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของช่องหู
หมายเหตุ** IPX4 คือความสามารถป้องกันละอองน้ำได้จากทุกทิศทาง หรือฝนตกแบบปรอยๆโดยทั่วไป
ด้วยคุณภาพดีเช่นนี้ แต่มีราคาน่าทึ่งเพียงแค่ 1,399 บาท เท่านั้นครับ
สำหรับหูฟังจิ๋วอีกรุ่นหนึ่งที่นำเสนอเพื่อโปรหูฟัง ที่เน้นคุณภาพ คือ SOUL S-FIT ออกแบบมาสำหรับท่านที่ชอบเล่นกีฬา ออกกำลังกาย ด้วยรูปแบบที่เสริมความคล่องตัวในทุกสภาวะ
เป็นหูฟังที่มีเอกลักษณ์อันเป็นพิเศษอย่างยิ่ง ดีไซน์ให้มีรูปทรงปีกนก ออกแบบและได้รับสิทธิบัตรจากบริษัท Freebit เพื่อยึดติดเข้ากับร่องหูตามหลักสรีระศาสตร์ได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างอิสระ เป็นหูฟังที่ผ่านการทดสอบถึงความทนทาน พร้อมให้คุณสัมผัสประสบการณ์คุณภาพเสียงที่รับฟังคุณภาพเสียงแบบ “พกดนตรีไปในทุกสถานที่”
ในการทำงานทั่วไปแบบไวร์เลส เชื่อมต่อแบบไร้สายด้วยบลูทูธเวอร์ชั่น 5.0 ซึ่งสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 33 ชั่วโมง ดีไซน์จากวัสดุที่กันน้ำ และฝุ่นละอองในระดับ IP67 มีระบบป้องกันการสั่นสะเทือน และฟังก์ชั่นรับฟังเสียงสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ รองรับ AAC Codec ควบคุมสั่งการด้วยระบบสัมผัส ล้ำสมัย ในการใช้งานร่วมกับ Siri และ Google Assistance ชาร์ตไฟเร็วผ่านสายไฟชาร์จ USB Type C
ความน่าสนใจก็คือให้เราสามารถรับฟังเสียงสภาพแวดล้อมภายนอกในขณะที่ยังสวมใส่หูฟังด้วย โหมด Audio Transparency สนทนาได้อย่างสะดวก และที่สำคัญที่สุดก็คือเพิ่มความปลอดภัยเมื่อต้องอยู่บนท้องถนน
สำหรับ S-FIT นี้ออกแบบมาพร้อมตลับใส่หูฟังเป็นแท่นชาร์จในตัวเอง ในการชาร์จหนึ่งครั้ง สามารถใช้งานได้ 6.5 ชั่วโมง การชาร์จด้วยตัวตลับจะชาร์จได้ 4 รอบ ทำให้เราสามารถใช้งานหูฟังนี้ได้ยาวนานถึง 33 ชั่วโมง
หูฟัง S-FIT มาพร้อมกับห่วงนิรภัยแบบพวงกุญแจให้เราสามารถคล้องหูฟังไปกับกระเป๋าหรือหูเข็มขัดเพื่อความสะดวกในการใช้งาน และให้อยู่เคียงข้างกายได้ตลอดเวลา
ดีไซน์ ด้วยสิทธิบัตรเฉพาะของ Freebit ทำให้มีรูปทรงที่ใส่สบายเข้าได้กับใบหูได้อย่างเหมาะเจาะ รูปทรงที่คล้ายปีกนกสามารถยึดติดเข้ากับช่องหู ทำให้แน่ใจได้ว่า S-FIT จะไม่หลุดออกจากใบหูของเราอย่างแน่นอน
มีซิลิโคนหูฟังหลายขนาด สามารถถอดเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของช่องหู
หมายเหตุ ***การป้องกัน น้ำ ฝุ่น ในระดับ IP67 หมายถึงมีความสามารถที่จะป้องกันฝุ่นได้สมบูรณ์ รวมถึงการป้องกันการแทรกซึมของน้ำจากการแช่ตัวอุปกรณ์ลงไปในน้ำได้ที่ความลึกสูงสุด 1 m เป็นระยะเวลาสูงสุด 30 นาที
ด้วยคุณภาพอันเยี่ยมยอดเช่นนี้ กลับมีราคาน่าทึ่งเพียงแค่ 2,790 บาท เท่านั้นครับ
***ทดสอบใช้งาน พิเคราะห์คุณภาพเสียง
ผมสลับการทดสอบหูฟัง SOUL S-GEAR ที่มีขนาดเล็กทั้งตัวหูฟังและตลับชาร์จไฟ จะว่าไปก็มีขนาดรูปแบบคล้ายเม็ดถั่ว กับ SOUL S-FIT ที่มีลักษณะหูฟังมีปีก! ทรงเหมือนปีกนก กะทัดรัด พร้อมตลับชาร์จไฟ ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตัดมุมสวยงาม
ผมใช้โทรศัพท์ iPhone 11 สองเครื่อง สองเบอร์ แยกการใช้งานสำหรับ SOUL S-GEAR และ SOUL S-FIT เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน ในช่วงเวลาเดียวกันด้วย
ในกล่องของหูฟังทั้งสองรุ่น นั้น มีอุปกรณ์เสริมมาครบ ทั้งซิลิโคนหูฟังอีก 2 ขนาดให้ปรับเปลี่ยนได้ สายชาร์จ USB type-C ห่วงนิรภัยแบบพวงกุญแจ คู่มือการใช้งาน
สำหรับการชาร์จ ระดับการชาร์จ ดูได้จากการกระพริบของ ไฟ LED กระพริบครั้งเดียว หมายถึงชาร์จไฟได้ 25 เปอร์เซ็นต์ กระพริบสองครั้ง คือชาร์จได้ 50 เปอร์เซ็นต์ กระพริบสามครั้ง ชาร์จได้ 75 เปอร์เซ็นต์ และไฟกะพริบสี่ครั้ง เท่ากับเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์
รุ่น SOUL S-FIT เป็นระบบสัมผัส มีรูปแบบที่น่าสนใจก็คือ
ในขณะฟังเพลง สัมผัสบนตัวหูฟัง 2 ครั้ง เลื่อนเพลงไปข้างหน้า หนึ่งครั้งเล่น หรือ หยุดพัก สัมผัสสามครั้งเชื่อมต่อ Google Assistance
กดค้างสามวินาที เปิดใช้งาน กดค้าง 8 วินาที ปิด กดค้างสองวินาที เปิดโหมดรับเสียงภายนอก
สำหรับการรับโทรศัพท์ ก็สะดวกมาก สัมผัสหนึ่งครั้ง รับสาย สัมผัสอีกครั้งวางสาย ถ้าไม่รับสายสัมผัสสองครั้งที่หูฟังครับ
ส่วนหูฟังรุ่น S-GEAR ระบบการชาร์จแสดงผลต่างกันคือ การกะพริบสองครั้งทุกสองวินาทีในขณะชาร์จ เมื่อชาร์จเต็มแล้วดวงไฟแอลอีดีจะดับลง
การใช้งานทั่วไป การปิด ให้กดค้าง 5 วินาที รีเซ็ต 8 วินาที เปิด ให้กดค้างไว้ 3 วินาที
ในการฟังเพลง เลื่อนเพลงไปด้านหน้ากดสองครั้งที่หูฟัง เล่น หรือพัก กดหนึ่งครั้ง เชื่อมต่อ siri/Google Assistance ให้กดสามครั้ง
การติดต่อสนทนาโทรศัพท์ กดหนึ่งครั้งรับสาย และวางหู กดสองครั้งเป็นการตัดการรับสาย
ทุกอย่างมีความใกล้เคียงกันยกเว้นรุ่น S-FIT จะมีระบบสื่อสารภายนอกด้วยดังที่เสนอไปเบื้องต้น
หูฟังของ SOUL ทั้งสองรุ่นนั้น ใช้งานได้คล่องตัวมาก ทั้งการฟังเพลง และการรับ โทรศัพท์ การสนทนา จุดเด่น คือเสียงชัดเจนใสสะอาดพอๆ กัน แต่รุ่น S-FIT นั้น ความเรียบของสัญญาณเสียง ดูจะเหนือกว่าเล็กน้อย
ผมชอบมากที่ทั้ง S-FIT และ S-GEAR เมื่อแกะออกจากตลับเก็บหูฟัง จะแสดงผลการเชื่อมต่อ Bluetooth ทันที นั่นคือความประทับใจเหมือนรักแรกพบ การเชื่อมต่อ หรือ Pair ง่ายดังใจนึกเลยทีเดียว จากนี้ไปจะเป็นสรุปการใช้งานและคุณภาพเสียง ครับ
ผลสรุปการทดสอบ SOUL S-FIT
SOUL S-FIT มีขนาดกะทัดรัดแต่แปลกตรงที่มีลักษณะของปีกด้านข้าง ที่จะสวมเข้าไปแล้ว ฟิตกับช่องภายนอกหู และตัวหูฟังในส่วนที่เป็นไดร์ฟเวอร์ ก็จะสอดเข้าไปในช่องหูพอดีมาก ขนาดของยางซิลิโคน มีให้เลือก สามขนาด เล็ก, กลาง, ใหญ่ คุณเปลี่ยนได้ด้วยตนเอง
ผมชอบมากตรงที่ S-FIT นั้นสัมผัสผิวหนังเราในแบบที่นุ่มนวลทั้งภายนอก และในช่องหูภายในพอดีๆ ครับ เรียกว่าฟิตแบบพอดีไม่รู้สึกอึดอัด แถมเกาะเกี่ยวได้แนบสนิทครับ ต้องบอกว่าเยี่ยมจริงๆ ดีไซน์ได้เสมือนว่านี่คือส่วนหนึ่งของอวัยวะเราเลยทีเดียว
ทดลองเชื่อมต่อสัญญาณจับคู่ จะได้ยินเสียงพูดว่า Pairing Successful เมื่อมันมีการเชื่อมกับโทรศัพท์แล้ว ผมเริ่มค้นหาเพลงฟัง แล้วทดลองวิ่งออกกำลังกายรอบหมู่บ้าน โอ ดีจังครับ เป็นอะไรที่ธรรมชาติมาก เหมือนไม่มีหูฟังขัดในช่องหูเลย และไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกแต่อย่างใด
และสุดยอดมากตรง ทดสอบด้วยการวางโทรศัพท์ไว้กับที่ แล้วเดินห่างออกไปเรื่อยๆ ในบริเวณบ้าน 7-8 เมตร สัญญาณก็ยังไม่สะดุดแต่อย่างใด มีบ้างที่สัญญาณเสียงดนตรีปลายแหลมใสช่วงปลายๆ อาจจะลดคุณภาพลงบ้างเป็นธรรมดา แค่ถ้าห่างออกไป 2-3 เมตร แทบไม่มีผลเอฟเฟ็คใดๆ เลย
ทีนี้ ทดลองคุณภาพเสียง ด้วยไฟล์เพลง ในโทรศัพท์หลากหลายสไตล์ เจ้าหูฟัง SOUL S-FIT นี่ แนวเสียงคล้ายลำโพงมิดเอ็นด์ชั้นดีระดับหมื่นเลยครับ เสียงกลางสะอาดมาก ให้ตำแหน่งชิ้นดนตรีแม่นยำ ฮาร์โมนิคเสียงสวยงาม เล่นเอาผมตะลึงเหมือนกัน เพราะหูฟังราคาไม่ถึงสามพันบาททำได้ขนาดนี้!
สังเกตความชัดเจนของเสียงดนตรี เช่นจากเครื่องเป่าในอัลบั้ม Feels So Good โดย ชัค แมนจิโอนี หลุดลอยโดดเด่น ฟัง Janis Ian อัลบั้มชุด Breaking Silence เสียงร้องฉ่ำสะอาดดีเหลือเกิน ครับ และเพลงหลักๆ ใน Jennifer Warnes : The Hunter โดยเฉพาะในส่วนของเสียงต่ำคือเบสลอยอิสระเป็นตัวเป็นตน
มันทำให้ผมประเมินได้ว่า นี่จะเป็นการออกแบบหูฟังที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งในปัจจุบัน ที่แอบอิงมาทางนักฟังระดับออดิโอไฟล์ ผู้ชื่นชอบเสียงดนตรีที่สะอาดบริสุทธิ์และฟังได้ราบรื่นยาวนาน
การสั่งงานแบบสัมผัสราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง การรับสาย วางสาย สนทนาด้วยเสียงชัดเจนมาก เหมือนคู่สนทนาอยู่ตรงหน้าเรา แสดงถึงภาคแปลงรหัส ที่ดีมากๆ ในตัวหูฟัง
บางช่วงในขณะที่เราเดินทางในสถานที่สาธารณะ เราสามารถสัมผัสตัวหูฟังให้เริ่มรับเสียงจากภายนอก ซึ่งตอนนี้เสียงรอบตัวจะเปิดเข้ามาให้ได้ยิน ช่วยให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น จากความสามารถรับรู้สรรพสิ่งรอบกาย
สำหรับคุณภาพเสียงที่อยากหมายเหตุไว้ สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงย้อนไปในอดีต จุดที่น่าสังเกตคือ เพลงที่ต้นฉบับค่อนข้างเสียงสากเสี้ยนอยู่บ้างในยุคเก่าในตระกูลแม่ไม้เพลงไทย หรือเพลงลูกทุ่งยุคแผ่นเสียง พอฟังผ่าน SOUL S-FIT สิ่งที่น่าประทับใจคือ เสียงสะอาดเนียนขึ้น แสดงถึงคุณภาพเสียงที่ดีของหูฟัง ช่วยให้เราได้คุณภาพเสียงที่ดียิ่งขึ้นมากทีเดียว
ส่วนการใช้งานหลังจากชาร์จแบตครั้งแรกจนถึงแบตอ่อน แล้วทำการรีชาร์จเพิ่ม กับตลับใส่หูฟัง เป็นรอบๆ ได้ชั่วโมงการใช้งานใกล้เคียงสเป็คซิฟิเคชั่น ที่ระบุมาจากโรงงาน เรียกว่าใช้ได้ในหนึ่งวัน หนึ่งคืน ไม่ต้องกังวล
พูดสั้นๆ SOUL S-FIT เยี่ยมมาก ถึงมากที่สุดครับ เป็นหูฟังที่เสียงดีเยี่ยม แตกต่างไปจากเวอร์ชั่นแรกๆ ของ SOUL
นี่คือก้าวกระโดดของการพัฒนาคุณภาพ หูฟังยุคใหม่ ที่ออกจะล้ำเกินแบรนด์อื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด
ผลสรุปการทดสอบ SOUL S-GEAR
SOUL S-GEAR เป็นหูฟังรุ่นราคาประหยัดก็จริง แต่ก็เต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพ โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้งาน เริ่มนับตั้งแต่เราหยิบออกจากตลับเก็บหูฟัง มาใช้งานจับคู่กับโทรศัพท์มือถือ การเชื่อมต่อรวดเร็วมากเหมือนกะพริบตาก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
การสอดใส่ในช่องหู ก็ถือว่าเรียบแน่น แม้จะไม่แนบเนียนเท่ากับ S-FIT
โครงสร้างทรงกลมและส่วนยื่นเข้าไปในช่องหูของ S-GEAR มีขนาดกำลังดีอยู่แล้ว แต่หากไม่พอดี ให้คุณพยายามเลือกขนาดซิลิโคนที่ลงตัวกับช่องหูที่สุด (มีมาให้สามขนาด) ก็จะไม่หลวมหลุดแต่อย่างใด
การเชื่อมต่อที่ดีของระบบบลูทูธใน S-GEAR ทำให้สัญญาณไม่สะดุด ชะงักหรือ สัญญาณขาดหายเป็นช่วง ผมทดลองขณะ วางโทรศัพท์ที่จับคู่กัน แล้วเดินห่างออกไป 7-8 เมตร ก็ได้ผลออกมาเช่นเดียวกับ รุ่น S-FIT คือแม่นยำและเที่ยงตรง สัญญาณไม่หลุดแต่อย่างใด
การรับ การโทรออก การสนทนา เสียงชัดเจนแจ่มแจ๋ว เสียงกลางช่วงมิดเร้นจ์จัดว่า ดีทีเดียว เหมือนเรามีคู่สนทนาเบื้องหน้า
คุณภาพเสียงเพลงและดนตรี ตรงนี้ต้องถือว่าให้เสียงในแนวอิ่มแน่น หนักหน่วงดี ลักษณะแห่งความทรงพลังที่นักฟังรุ่นใหม่น่าจะชื่นชอบ
โดยเฉพาะเพลงพ็อพ แจ็ซ ร็อค ตรงใจวัยรุ่นถึงวัยผู้ใหญ่ คือเสียงของ S-GEAR มีน้ำมีเนื้ออบอุ่นหนักแน่น ต่างไปจาก S-FIT อยู่บ้าง แต่รายละเอียดเสียงก็ยังชัดเจนสะอาดไม่แพ้หูฟังระดับราคาเดียวกัน แต่จะให้เสียงเบสมีพลังยิ่งกว่า ครับ
เป็นเสียงที่มีคุณภาพในอีกสไตล์หนึ่งเหมาะกับคนที่ชอบฟังเพลงอย่างมีชีวิตชีวา และได้น้ำได้เนื้อก็คือแรงพลังดูอิ่มแน่น สนุกสนานให้ความเปิดกว้างของเสียงได้อย่างดี
ผมฟังเพลงสไตล์ แจ๊ส พ็อพ ร็อค ทุกแนวรวมทั้งเพลงไทยเพลงลูกทุ่ง สตริง ยอมรับว่าS-GEAR เป็นหูฟังที่ฟังได้สนุก และให้อารมณ์สุนทรีหนักแน่นจริงจัง มีชีวิตชีวา
ผมชอบความกะทัดรัดของ S-GEAR พอๆ กับการเป็นคนขี้หลงขี้ลืม ก็มีความเป็นห่วงว่า เราอาจจะเผลอวางตลับหูฟังที่มีขนาดเล็กนี้ หลงหายเสียที่ไหน เพราะฉะนั้นจึงต้องใส่ในกระเป๋าเสื้อหรือเอาห่วงที่ให้มาห้อยไว้กับหูเข็มขัด ตลอดเวลา นั่นแหละดีที่สุด เมื่อใดก็ตามที่ต้องการนำมาชาร์จก็สามารถทำได้ทันที ไม่มีหลงลืมครับ
ในแง่ของการชาร์จ และจำนวนชั่วโมงของการใช้งานนั้นถือว่าใกล้เคียงกับสเป๊ก ที่ทางโรงงานระบุมา ดังนั้นในหนึ่งวันกับตลับใส่หูฟัง ที่ชาร์จไฟไว้อย่างเต็มที่แล้ว บอกได้เลยว่าคุณจะมีความสุขสำราญอย่างยิ่งกับเสียงดนตรี และการรับสายสนทนาต่างๆ อย่างเต็มวัน
อีกทั้งการสอดใส่ในช่องหูแบบแนบสนิทได้ราวกับว่า เป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของคุณเลยทีเดียว
ถ้าหากพูดถึงงบประมาณที่เราจะต้องใช้ก็ต้องถือว่า S-GEAR รุ่นนี้คุ้มค่าอย่างที่สุด
หูฟังทั่งสองรุ่น ทั้งสองระดับราคา เหมาะสมมาก สำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีในระดับราคาที่เหมาะสม รับรองว่ายุคนี้ไม่มีใครเกิน SOUL ไปได้
นักฟังวัยรุ่น สำหรับการเลือก S-GEAR ไม่ผิดหวังแน่นอน
ส่วนนักฟังเพลงระดับออดิโอไฟล์ผมแนะนำเลยครับว่าต้อง S-FIT ครับ
สนใจหูฟังทั้งสองรุ่น SOUL S-GEAR และ SOUL S-FIT สามารถทดลองเสียง และสอบถามรายละเอียดได้ที่โชว์รูมของ อัศวโสภณ ได้ทุกแห่ง
หรือที่ https://www.asavasopon.co.th