SUGDEN A21 Signature
Harbeth P3ESR XD
คู่ขวัญก้าวขึ้นสู่บันไดไฮเอนด์
นับเป็นโอกาสเหมาะจริงๆ ที่ผมได้ทดสอบจับคู่ SUGDEN A21 Signature แอมปลิไฟร์ เพียวคลาส A เข้ากับสุดยอดลำโพงเล็กแห่งปี Harbeth P3ESR XD อันเป็นซีรีส์ใหม่ ที่ยังคงคุณสมบัติเดิม แต่เร้นจ์เสียงกว้างขึ้น สนองตอบไวยิ่งขึ้น
สำหรับ SUGDEN A21 Signature นั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะมีการพัฒนา จากรุ่น A21 มาได้อย่างยาวนานถึง 50 ปี โดยใช้พื้นฐานวงจรเดิมที่ออกแบบมาเป็น Single end class A แท้ ที่ SUGDEN ยืนยันหลักการนี้ ด้วยความเชี่ยวชาญเหนือใคร
สำหรับ A21รุ่นใหม่ล่าสุดจะมีคำว่า Signature ต่อท้ายถึงแม้จะมีกำลังขับเพียง 23 วัตต์ คลาส A เท่ากับรุ่น A21 รุ่นก่อนหน้า แต่ก็ได้มีการปรับปรุงวงจร Power Supply ใหม่เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่อิ่มแน่น มีความผ่อนคลาย ให้จังหวะลีลาน้ำเสียง และรายละเอียดต่างๆ อัตราสะวิงของเสียง ด้วยพลังซ่อนเร้นเหนือธรรมดามากกว่าเดิม
SUGDEN A21 นั้นได้รับการยกย่องให้เป็นอินทีเกรเต็ดแอมป์ คลาสสิกตลอดกาล โดยหนังสือชั้นนำของยุโรปหลายฉบับ เป็นความภาคภูมิใจและสร้างชื่อให้ SUGDEN อย่างไม่มีใครเทียบเทียม
SUGDEN A21 Signature มีให้เลือก 2 ออฟชั่น สามารถเพิ่มภาคขยาย Phono ได้ด้วย
โดยเวอร์ชั่นธรรมดา จะมีราคาที่ 99,000.- บาท ส่วนที่เพิ่มเติมภาคขยายหัวเข็มแผ่นเสียง หรือภาค Phono ราคาต่อเครื่องคือ 106,000.- บาท
ดีไซน์ตัวเครื่องรูปทรงคลาสสิกดูบางเฉียบเป็นพิเศษ แต่อัดแน่นไปด้วยวงจรภาคจ่ายไฟ และหม้อแปลงระดับสุดยอด จึงทำให้มีน้ำหนัก หนักอึ้งเหนืออินทีเกรเต็ดแอมป์ ทั่วๆ ไปอย่างเห็นได้ชัด
เนื่องจากผลิตภัณฑ์แอมปลิไฟร์เพียวคลาส A ของ SUGDEN ปัจจุบันมีเพียง 4 รุ่น รหัสรุ่นอาจจะมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ในรูปทรงที่ไล่เรียงจาก
1. A21 Signature
2. A21SE Signature
3. ANV-50 (New) รุ่นใหม่แนวเสียงทันสมัยขึ้น
4. IA-4 รุ่นใหญ่สุด
A21 คืออินทีเกรเต็ดที่มีชื่อเสียงระดับตำนานอันยาวนานที่สุด ส่วน ANV-50 และ IA-4 อยู่ในระดับสูง หรือซีรีส์ Masterclass
สำหรับรุ่นที่นำมาทดสอบ A21 Signature นี้ จะเป็นรุ่นเล็กสุด ของ SUGDEN ที่มีความสามารถสร้างความน่าอัศจรรย์ใจได้ถึงที่สุดเช่นกัน
Harbeth P3ESR XD ที่นำมาจับคู่กันในครั้งนี้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่มีการพัฒนาหลายอย่างต่อเนื่องมาจากรุ่นครบรอบ 40th Anniversary จะว่าไปแล้ว นี่คือลำโพงที่พัฒนามาจากลำโพง BBC LS3/5A ที่โด่งดังในอดีต นั่นเอง
แต่ทว่า ทีมงาน Harbeth ได้ปรับปรุงทั้งตู้ ตัวขับเสียง ครอสโอเวอร์ ช่วยลดข้อด้อยเสริมด้านไดนามิคเร้นจ์ให้เหนือขึ้นไปอีก ทำให้มีเอกลักษณ์ทรงเสน่ห์เฉพาะตัว
เป็นลำโพงที่ออกแบบทะลุกรอบหลักการเดิมๆ อย่างสิ้นเชิง ลำโพงที่เคยใช้ตู้หนาแกร่ง ก็เปลี่ยนมาใช้ตู้ที่มีผนังบางลงกว่าลำโพงอื่น
แล้วอาศัยหลักการเรโซแนนซ์ หรือการสั่นพ้องของผนังตู้ให้กลับมาเป็นประโยชน์ ดังนั้นย่านความถี่จะถูกขับออกมาจากการผลักอากาศของไดรฟเวอร์ ควบคู่ไปกับการสั่นพ้องของตู้อย่างแยบยลที่สุด
จึงมีข้อแนะนำให้เลือกใช้ขาตั้งที่ผลิตจากไม้เท่านั้น ไม่ควรใช้ขาตั้งโลหะอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้คุณภาพเสียงไม่ดีเท่าขาตั้งไม้
(ในการทดสอบ ผมใช้ขาตั้งไม้สั่งทำจากฝีมือ MAVIN ของคุณ ยุ่น เลฟตี้)
จากความสำเร็จของ P3ESR 40th Anniversary Limited Edition ก็ได้พัฒนาต่อยอดให้ได้เสียงที่โดดเด่นยิ่งขึ้น จนกลายมาเป็นซีรีส์ XD ในปัจจุบัน ถ้าจะว่าไปแล้ว รุนใหม่นี้จะใช้อุปกรณ์เดิมๆจากรุ่น 40th Anniversary ที่ต่างไปบ้างคือมีสีตู้ให้เลือกมากขึ้น
อีกทั้งภายนอกจะแตกต่างที่ขั้วลำโพง ใช้แบบเฮฟวี่ดิวตี้ ไม่ใช่ของ WBT เหมือนรุ่นครบรอบ 40 ปี
ตู้ที่ได้นำมาทดสอบนี้ เป็นผิวไม้สี Olive สนนราคาอยู่ที่ 127,000.- บาท
เครื่องเสียงที่นำมาใช้ประกอบการทดสอบ ผมยังคงคุ้นชินกับ Krell KAV 250 CD และ DAC จาก NAD M51 สายลำโพง สายสัญญาณเป็น Tellurium Q Ultra Black ที่ดูลงตัวเหมาะสมกันที่สุด
Test Report
คงต้องบอกว่าสำหรับแอมป์และลำโพงชุดนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นของการเลือกสรรชุดซิสเต็มไต่บันไดขึ้นสู่ไฮเอนด์
ลำดับแรกที่น่าสนใจที่สุด สำหรับคุณภาพของอินทีเกรเต็ดแอมป์ ที่เลื่องลือรุ่น A21 Signature ด้วยการอัพเกรดทางด้านภาคจ่ายไฟ ทำให้พลังที่ได้ตามสเป็คฯ แค่ 23 วัตต์ มีอัตราการสะวิงสูงขึ้น เกือบเท่าตัวเลยทีเดียว
กำลังขับจึงไม่ใช่ประเด็น เพราะมันสามารถขับลำโพง Harbeth P3ESR XD ได้อย่างเหมาะสมลงตัว ราบรื่น ทั้งย่านความถี่ และการคุมอิมพีแดนซ์ ด้วยค่า Slew Rate เกินตัว
ผมไม่ได้เบิร์น SUGDEN A21 Signature เลยด้วยซ้ำ เพราะแอมป์เครื่องนี้ผ่านการใช้งานมาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว ซึ่งปกติแอมป์คลาส A จะให้เสียงที่ลงตัวรวดเร็วที่สุด ผมประเมินว่า 40-50 ชั่วโมง ในการเบิร์นก็น่าจะเข้าเขตของความลงตัวในการทำงานของเครื่อง
น้ำเสียงที่นิ่ง ไหลลื่นดังสายน้ำ เป็นคุณสมบัติของแอมปลิไฟร์คลาส A ผมเคยผ่านการทดสอบ และเป็นเจ้าของแอมป์คลาส A หลายรุ่น อาทิ Musical Fidelity A1, A100 Krell ในตระกูล KSA, Luxman ซึ่งจะมีจุดเด่นในเรื่องนี้ว่า ทั้งเนียนสวย และไร้รอยขยักของย่านความถี่เสียง
แต่ในส่วนของ SUGDEN A21 Signature เป็นความน่าทึ่งมากยิ่งขึ้นกับช่วงปลายเสียงที่ทอดยาว ฮาร์โมนิคสวยงามมาก มากกว่าที่ผมเคยได้จากแอมป์คลาส Aอื่นๆ ในขณะที่การขยายสัญญาณเข้าลักษณะ ถ่ายทอดเสียงดนตรีได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ
ยิ่งเทียบเคียงแอมป์คลาส AB ทั่วไป นับว่ามันเหนือกว่าอยู่หนึ่งขั้นอย่างชัดเจน อีกทั้งการวางระบบวงจรที่แยบยลทำให้คุมความร้อนได้ดีกว่าแอมป์คลาส Aทั่วไป จึงใช้งานได้อย่างไร้ข้อจำกัด
ในอดีตผมเคยฟัง SUGDEN A21 รุ่นก่อนที่จะปรับปรุงขึ้นเป็น Signature และ SE Signature มันให้เสียงสวยงาม แต่กำลังขับ ดูจะเรียบๆ หวานๆ ส่วนด้านกำลังสำรองจะขาดไดนามิค ไปนิดหน่อย แต่ในรุ่นปัจจุบัน SUGDEN A21 Signature ให้ความโดดเด่นของพลังสำรองขึ้นมามาก ควบคู่กับความเปิดกว้างของเสียง ที่น่าประทับใจจริงๆ
พูดถึงในแง่ความโปร่งใสของเสียง และการสะวิงของช่วงจังหวะดนตรี ทำได้แม่นยำ ไดนามิคเร้นจ์กว้างเหมือนฟังจากรุ่นที่มีกำลังขับมากกว่านี้เกือบเท่าตัว รายละเอียดหยุมหยิม จากระดับเบาสุดถึงดังสุด ทำได้ดีเยี่ยม (Round-Up by Erich Kunzel & Cincinnati Pops Orchestra)
เสียงที่มีการผ่อนหนัก-เบาแรง อัตราการสะวิง ความเนียนสวยงาม ให้รูปทรงของชิ้นดนตรีนับว่าครบถ้วน ให้ทั้งความละเมียดละไมของฮาร์โมนิค ที่ไม่มีใครจะเลียนแบบได้จริงๆ
เพราะสิ่งที่ได้คือ ฮาร์โมนิค หรือแอมเบียนสวยๆ จากแอมป์เพียวคลาส A รุ่น A21 Signature คือความงดงามที่มีเสน่ห์อย่างมาก เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยแท้
การฟังเสียงร้องที่ถูกบันทึกมาอย่างดีจากสตูดิโอ จะได้รับการถ่ายทอดขยายสัญญาณอย่างเที่ยงตรง โทนัลบาล้านซ์ แจ่มจรัสจริงๆ (Breaking Silence : Janis Ian)
ด้วยภาคจ่ายไฟใหม่ ที่ส่งแรงปะทะที่ดี ทำให้ฟังเพลงหลากหลาย ควบคู่ไปกับลำโพง Harbeth P3ESR XD ครบถ้วน สังเกตว่า มันน่าจะเป็นแอมป์ 23 วัตต์ เครื่องเดียวในโลก ที่ทำให้เสียงของลำโพงคู่นี้หลุดตู้อย่างแท้จริง ขอบอกว่า ฟังแล้วต้องอุทานว่าเหลือเชื่อครับ
ใครที่คลั่งไคล้ตัวเลข ต้องลืมเรื่องตัวเลขกำลังขับไปได้เลย
ก็ต้องยอมรับนะครับ SUGDEN A21 Signature เป็นการดีไซน์แอมปลิไฟร์คลาส Aเครื่องเดียวก็ว่าได้ ที่มีลักษณะโครงสร้างเรียบง่าย แบนบาง แต่สามารถให้พลังที่สูงส่งน่าพอใจยิ่ง รวมทั้งการเข้าถึงรายละเอียดเสียงดนตรีในแบบฉบับของนักฟังระดับไฮเอนด์ ได้อย่างไร้ที่ติเลยทีเดียว
ถ้าคุณจะเริ่มไต่บันไดไฮเอ็นด์ ผมอยากให้เริ่มจาก เพียวคลาส A ของ SUGDEN A21 Signature นี่ละครับ ดีที่สุด
ในส่วนของลำโพง ผมเคยได้ทดสอบ Harbeth P3ESR มาตั้งแต่เวอร์ชั่นแรกๆ จนถึงรุ่นครบรอบ 40 ปี และมาถึงรุ่น XD นี้ อยากขอสรุปสั้นๆ ว่า มันเหมาะสมอย่างมากที่จะจับคู่กับ SUGDEN A21 Signature เหมือนสร้างมาคู่กันแค่แรกเริ่มอย่างไรอย่างนั้น
Harbeth P3ESR XD ให้ความงดงามสะอาดสะอ้านของเสียงดนตรี และยังแสดงเวทีเสียงที่ใหญ่เกินตัว ให้การแจกแจงจุดตำแหน่งชิ้นดนตรีอย่างครบถ้วน พลังเสียงแบบปลอดโปร่ง รวมถึงความสะอาดยอดเยี่ยม นี่คือเสียงที่มีเสน่ห์และรายละเอียดเหนือชั้นของลำโพงขนาดเล็ก
จัดให้เป็นลำโพงวางบนขาตั้งที่น่าจะดีที่สุดคู่หนึ่งในโลกเครื่องเสียง ทุกครั้งที่ฟังจะให้ความรู้สึกอัศจรรย์ กับการเปิดกว้างของเสียง ความกลมกล่อม อันแสนน่ารักเสมอ
(ลำโพงคู่นี้ กำหนดการเบิร์นอินไว้เลยประมาณ 150-200 ชั่วโมง)
และพื้นฐานการพัฒนามาจากตระกูล BBC Monitor ทำให้ความเที่ยงตรง และมีความClean ในทุกย่านความถี่เสียง
ทุกอย่างแทบไม่ต่างไปจากรุ่น P3ESR 40 Anniversary เมื่อนำมาทดสอบเทียบเคียง พบว่า เสน่ห์ของความสดใสหวานละมุน เป็นอันเดียวกัน แต่อัตราความไวของเสียง และการสะวิง นั้น รุ่น XD ดูจะสดใสกว่านิดหน่อย นี่อาจจะบ่งชี้ว่า รูปแบบ แนวเสียง ของรุ่น XD น่าจะเหมาะสมกับการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งที่เป็นไฟล์เพลง Hi-Res ได้อีกด้วย
อยากจะเริ่มต้นเล่นเครื่องเสียงชุดขนาดย่อม แต่ต้องการก้าวให้ถึงจุดสุดยอดในคุณภาพเสียง หรือเต็มที่กับศักยภาพ และบุคลิกที่ถ่ายทอดดนตรีสมจริง ด้วยความอ่อนหวาน ราบรื่น ทรงพลังพอเพียงในแบบไฮเอนด์ออดิโอ
ผมมั่นใจว่าการเริ่มต้นจับคู่กันระหว่าง SUGDEN A21 Signature และ Harbeth P3ESR XD นี้ คือคู่ขวัญก้าวขึ้นสู่บันไดไฮเอนด์ ที่คุณได้มาถึงจุดหมายปลายทางแล้วอย่างแน่นอนครับ
สนใจติดต่อ Sound Box อาคารศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ ชั้น 3 โทร. 02 642 1448
คุณโจ้ : 089-920-8297
ธงชัย : 092-890-4660 , Line ID : tsoundbox
คมสัน : 093-465-6693 , Line ID kkoakung
Facebook เพจ : https://www.facebook.com/soundboxthailand/?ref=bookmarks
