DENON Perl และ DENON Perl Pro

หูฟังที่ผสานกันอย่างลงตัว

ระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัย กับคุณภาพเสียงอันยอดเยี่ยม

           พัฒนาการใหม่ล่าสุดของหูฟังไร้สายระบบตัดเสียงรบกวน แบบเอียร์ปลั๊ก ของ Denon ผู้ผลิตเครื่องเสียงอันดับต้นๆ ของโลก สร้างมิติใหม่ ที่สามารถกลมกลืนกับสรีระและอารมณ์ดนตรีตลอดช่วงเวลาที่คุณใช้งานจริงๆ

🔘เทคโนโลยีที่ล้ำลึก

     DENON PerL และ PerL Pro นั้น ทั้งสองรุ่นมีจุดเด่นที่แตกต่างจากหูฟังทั่วไปคือ มีการนำเอาเทคโนโลยี Masimo Adaptive Acoustic (AAT) ที่มีระบบวัดการได้ยินของผู้ใช้งาน และทำการปรับย่านความถี่ ให้ได้คุณภาพดีที่สุด เข้ากับหูแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ

           เมื่อเราใส่หูฟังพร้อมกับการเชื่อมต่อแอพของ DENON ที่ออกแบบมาคู่กัน ระบบจะตรวจสอบการได้ยินเป็นเสียงของผู้ใช้งาน เพื่อทำการเทสท์การได้ยินในโสตประสาทเราว่า เด่น ด้อย ต่อความถี่ใดบ้าง หลังจากนั้นก็จะปรับเสียงให้เหมาะกับประสาทการรับรู้ความถี่หู ของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะทำให้สภาพการฟังแบบ Personal ส่วนตัว ให้มีความแฟลตจริงในทุกย่านความถี่

           ในทางเทคนิคลึกๆ นั้น  ตัวระบบในหูฟัง จะทำการวัดค่าการตอบสนองความถี่ของหูชั้นใน ด้วยการวัดเสียงระดับแผ่วเบา (Otoacoustic Emissions :OAEs) ทำให้ระบบ AAT สร้างโปรไฟล์การได้ยินของผู้ใช้เฉพาะตัว ที่ไม่ซ้ำใคร เพื่อประสบการณ์การฟังเพลงที่ดีที่สุด

           นี่ถือว่า เป็นความก้าวล้ำนำหน้าทางด้านเทคโนโลยีหูฟังที่น่าประทับใจมากครับ และเรายังสามารถปรับแต่งความถี่เสียงด้วย EQ อีก 5 ย่านความถี่ คือ 400Hz, 1K, 2.2K, 5K, 10KHz  เพื่อให้ได้อรรถรสของเพลงที่ถูกใจผู้ฟัง

          สำหรับความเหมือน และความแตกต่างระหว่าง Perl และ Perl Pro  คือ ทั้งสองรุ่น จะมีระบบ

✅ การปรับแต่งโดยทีม Sound Master ของ DENON ภายใต้การดูแลของ Shinichi Yamauchi ด้วย AAT หรือ Masimo Adaptive Acoustic Technology

✅ รองรับ Bluetooth เวอร์ชัน 5.0 สำหรับรุ่น PerL และเวอร์ชัน 5.3 สำหรับ PerL Pro

✅ ระบบปรับบูสท์ คลื่นความถี่ต่ำ Immersion Mode

✅ โหมดโซเชียล เพื่อเปิดให้เสียงจากภายนอกเข้ามาได้ สำหรับการรับรู้สภาพโดยรอบตัวของเรา

✅ การป้องกันความชื้นน้ำสาดกระเซ็นจากภายนอกระดับ IPX4

✅ ดีไซน์ช่วยให้การสอดใส่ช่องหูเป็นไปอย่างอย่างกระชับ ออกแบบให้เข้ากับช่องหู และมีจุกรองรับ 4 ขนาดให้เลือกใช้ เพื่อให้เหมาะกับช่องหูของแต่ละท่าน คือ XS, S, M และ L และยางรองปีกสองด้าน ที่เหมาะสำหรับ PerL และ PerL Pro ให้พอดีกับโครงหูของผู้ใช้งาน

✅ แอพลิเคชั่น ของ DENON Headphones เพื่อผสานการใช้งาน และการปรับแต่งแอคทีฟที่เหมาะสมร่วมกับหูฟัง เพื่อให้เข้าถึงฟังก์ชั่น AAT การปรับ EQ และโหมด Immersion รวมถึงการสลับระหว่าง การตัดเสียงรบกวนภายนอก และโหมดโซเชียล รับเสียงรอบด้าน

           ตลับใส่หูฟังขนาดกะทัดรัด มีพอร์ตชาร์จแบบ USB-C ดีไซน์ให้มีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก

          🔘 DENON รุ่น Perl เป็นรุ่นมาตรฐานที่มีคุณสมบัติดังกล่าวครบครัน สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 6 ชั่วโมง และเมื่อชาร์จเพิ่มจากเคสชาร์จจะใช้ได้นานถึง 18 ชั่วโมง Quick Switch ช่วยสลับการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างง่ายๆ โทรด้วยเสียงผ่านไมโครโฟน 2 ตัว (ด้านละหนึ่งตัว)

          DENON PerL ราคา 6,790.- บาท

          🔘 DENON รุ่น Perl Pro มีส่วนแตกต่าง และรายละเอียดเพิ่มขึ้น จากรุ่น Perl คือใช้เทคโนโลยีการโทรด้วยเสียงที่ดีที่สุดด้วย Qualcomm aptX Voice ให้เสียงชัดเจนและคมชัดด้วยไมโครโฟนรับเสียงถึงแปดตัว‼️

          มีฟังก์ชั่น Active Noise Cancelling ที่ช่วยให้คุณมีอิสระในการฟังเพลง ด้วยการตัดเสียงรบกวนจากภายนอก ตัวหูฟังใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 8 ชั่วโมง และชาร์จเพิ่มจากตัว Case จะใช้ได้นานถึง 24 ชั่วโมง

           สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ 2 เครื่อง เพื่อสลับการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เชื่อมต่อได้สเถียรมากยิ่งขึ้นด้วย Bluetooth 5.3

          DENON PerL Pro ราคา 11,900.- บาท

PREVIEW

           แรกสุดในการทดสอบใช้งาน เราดูจากภายนอก พบว่าหูฟังทั้งสองรุ่น คล้ายกันมาก แต่ในรุ่น Perl Pro จะมีวงแหวนโลหะวาววับครอบรอบตัวหูฟัง ดูงามสง่า พรีเมียมกว่าอย่างชัดเจน

           สำหรับการใช้งานที่สมบูรณ์ จำเป็นต้องโหลด แอพลิเคชั่น DENON Headphones ลงในสมาร์ทโฟนก่อน เพื่อใช้งานอย่างครบถ้วน แบบทั้งการปรับแต่งเสียง การสื่อสาร และการเปิดรับเสียงจากภายนอก หรือฟังเป็นส่วนตัว

          ดีไซน์ออกแบบด้วยวัสดุแข็งแรง ขนาดกลมรูปทรงเข้ากับสรีระช่องหู มีรูปแบบวิธีใช้งานที่ง่าย และให้ความสะดวก

           ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มในเคสชาร์จ เมื่อดึงหูฟังออกมา ระบบจะเริ่มเตือนให้เราแพริ่ง ทำการจับคู่อย่างง่ายดาย รวดเร็วกับสมาร์ทโฟน

สถานะการชาร์จ บอกได้ด้วย LED สามจุด จุดละสี แต่ละสีแสดงผลครั้งละ 4 วินาที

          สีแดง แบตเตอรี่ต่ำกว่า 30%

           สีเหลือง แบตเตอรี่ 30-70 %

           สีเขียว แบตเตอรี่สูงกว่า 70%

           การบ่งบอกสถานะของแบตเตอรี่นั้นยังสามารถตรวจสอบ ได้จากการแสดงผลในแอพ DENON บนสมาร์ทโฟน

          ควรเลือกจุกหูฟังที่พอดีกับช่องหู และปรับหมุนมุม การสอดใส่ให้กระชับแน่นพอดี

          ต้องคอนเน็คหูฟัง กับแอพ จะมีการโหลดระยะเวลาสั้นๆ จากนั้นหน้าแรกของแอพ จะขึ้นมา สังเกตว่า รหัสชื่อคือ DENON Perl Pro 111 (ในไอโฟนที่ผมใช้งาน)

          หน้าแรก Denon Perl Pro 111 จะมีชื่อโปรไฟล์ตัวแทนจำหน่ายขึ้นคู่กันคือ Mahajak หากเซ็ตอัพหูฟังแล้วจะเปลี่ยนชื่อ เป็นชื่อของคุณมาแทนที่ เมื่อมีการเซ็ตอัพค่าสมบูรณ์แล้ว

          ในขณะฟังเพลง บนแอพสามารถเลือกโหมด Default หรือ Personalised ได้ และเลือก Immersion Mode ขยายเร้นจ์การฟังได้อย่างละเอียด โดยเฉพาะเรื่องของน้ำหนักเสียงในย่านความถี่ต่ำ

          ในการตั้งค่าบนแอพ จะมีให้เลือกที่แท็บ สามขีดในระบบ Configure touch Mode ซึ่งสามารถตั้งค่ากำหนดปุ่มสัมผัสได้ด้วยตนเอง รวมถึงหัวข้อ (ด้านบน) การใช้ Pro EQ และอื่นๆ ด้วย

          การเลือกแท็บโหมดนั้น มีทั้งกดสัมผัสครั้งเดียว สองครั้ง สามครั้ง กดสองครั้งแล้วกดแช่ไว้ ที่จะหมายถึงโหมดการใช้งานต่างๆ เช่น เล่นเพลง หยุดเพลง เลื่อนเพลงไปข้างหน้า การเลื่อนเพลงย้อนกลับ การรับสาย การสนทนา การเลือกโหมดรับเสียง ตัดเสียงภายนอกฯลฯ เมื่อคอนฟิกแล้วใช้งานสักระยะ คุณจะคล่องแคล่วมากขึ้น ทั้งรุ่น Perl และ Perl Pro

หมายเหตุ: หูฟัง Perl และ Perl Pro สามารถรีเซ็ตตั้งค่าใหม่ทั้งหมดได้

          ข้อแนะนำ ผู้ที่เป็นเจ้าของหูฟัง Perl หรือ Perl Pro นี้ จำเป็นจะต้องลงทะเบียนหูฟัง เพื่อใช้ประโยชน์คุณภาพหูฟังอย่างสมบูรณ์แบบ

การทดสอบการใช้งานทั่วไป

           การสอดใส่ช่องหูแรกๆ ผมจะไม่คุ้นชินนัก เพราะ DENON ออกแบบให้การยึดเกาะนั้นคาบเกี่ยวกับช่องใบหูส่วนนอก กับช่องหูชั้นในควบกัน ไม่ให้มีการแทงลึกลงไปในช่องหูมากเกินจำเป็น

           ซึ่งดีไซน์แบบนี้จะทำให้เราไม่รู้สึกอึดอัด คับ เจ็บ ระคายเคือง เมื่อใช้ไปนานๆหรือต่อเนื่องเป็นชั่วโมง

           DENON Perl / Perl Pro เมื่อใส่ในช่องหูอย่างถูกต้องลงตัวแล้ว จะรู้สึกว่าการยึดเกาะเกี่ยว สบาย เป็นธรรมชาติ เข้ากับสรีระได้เป็นอย่างดี เราจะรับรู้ว่าได้ใส่หูฟัง แน่น ฟิตพอดีกับช่องหูหรือยัง ก็ด้วยการเข้าไปเซ็ตค่า Personalised ตามลำดับขั้นตอนของระบบ AAT (Masimo Adaptive Acoustic)

           อันนี้ขอย้ำว่าแนะนำให้ผู้ใช้งาน หลังจากลงทะเบียนในแอพแล้ว จะต้องตั้งค่าการได้ยินเสียงเฉพาะตัวของผู้ใช้ (Personalised) ก่อนอื่นเลยนะครับ

           เนื่องจากหูฟังชุดนี้จะช่วยจัดระเบียบย่านความถี่ต่างๆ ให้ประสาทหูของคุณได้ยินเสียงดนตรีอย่างครบถ้วน อันเนื่องจากหูคนเรานั้น ย่อมมีความสามารถ ตอบสนองความถี่ได้ไม่เท่ากันในแต่ละคน

           หูฟังชุดนี้จึงมีระบบเฉพาะตัว จะช่วยปรับย่านความถี่ของผู้ฟังให้เกิดความสมบูรณ์มากที่สุด

           ระบบนี้เมื่อใส่หูฟังเรียบร้อย และกดตั้งค่าดังกล่าว ระบบจะเริ่มสำรวจโดยอัตโนมัติ ว่า ผู้ใช้งานสอดใส่หูฟังเข้าไปได้ฟิตกับช่องหูหรือยัง? ถ้ายังก็จะต้องปรับจนกระทั่งระบบมีไฟสีเขียว บ่งชี้ว่า OK

           จากนั้นการดำเนินการต่างๆ ของระบบเซ็ตอัพออโต้ จะดำเนินการไปอย่างอัตโนมัติ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาสองถึงสามนาที ผู้ใช้งานจะต้องนั่งนิ่งเงียบ เพื่อให้ระบบทำงานอย่างถูกต้อง โดยแต่ละขั้นตอนจะมีเสียงภาษาอังกฤษ บรรยายให้รับรู้ด้วย

           ระบบจะทำการตรวจวัดการรับรู้ของช่องหูชั้นใน ไล่เรียงย่านความถี่ต่างๆ และกำหนดชดเชยการได้ยินของประสาทหู (เหมือนมี Ai เครื่องมือแพทย์ช่วยปรับแต่งเลยครับ) จนกระทั่งเป็น Flat Response สำหรับหูของผู้ใช้งานในที่สุด นั่นคือเสียงอันเหมาะสมที่บุคคลผู้เป็นเจ้าของหูฟังควรจะได้รับ

           ถ้าหากต้องการเซ็ตอัพช่องหูให้กับบุคคลอื่น ก็สามารถทำได้ ในกรณีเปลี่ยนเจ้าของ หรือแบ่งปันกับคนในครอบครัว (เลือกปรับค่าไว้ได้ถึง 3 โปรไฟล์)

          ในการฟังเพลงทดสอบ ผมจะฟังจาก Tidal และ Spotify เป็นหลักนะครับ โดยมีเพลงหลากหลายรูปแบบที่ทำให้เราเพลิดเพลินได้ทั้งวัน ด้วยเพลงระดับคุณภาพในระบบ Streaming

          คุณภาพเสียงดี และเสียงสะอาดกังวาน ละเอียด เปิดโปร่งน่าหลงใหล

           ผมชอบการปรับอีคิวของหูฟังชุด Perl และ Perl Pro ในแอพ DENON Headphones เพราะสามารถปรับได้อย่างเต็มที่จากความถี่ต่ำจนถึงความถี่แหลมสูงสุด ได้ผลลัพธ์เห็นผลต่อย่านความถี่เสียงออกมาดีจริงๆ

           การเปิดรับเสียงจากภายนอก (Social) เพื่อให้เราสื่อสารกับผู้คน และเข้าถึงบรรยากาศรอบข้าง เห็นผลดีมากครับ ระบบไมค์จะขยายการรับรู้ได้อย่างสมจริง ช่วยลดหลั่นระดับความเข้มของดนตรีลง จึงน่าจะเป็นหูฟังที่สร้างความปลอดภัยให้กับเราได้ดี ในขณะที่ใช้งานในที่สาธารณะ

           และเมื่อต้องการตัดขาดโลกภายนอก รับฟังเสียงดนตรีอย่างจริงจัง โหมดส่วนตัว ก็จะช่วยให้สภาพรอบด้านเหมือนถูกตัดทิ้งออกไป ให้บรรยากาศเสียงเงียบสงัด เหมาะกับการฟังเพลงที่ต้องการรายละเอียดเป็นอย่างยิ่ง

           ในที่นี้ระหว่างรุ่น Perl และ Perl Pro จะมีบุคลิกเสียงสะอาดๆ ในแบบฉบับออดิโอไฟล์ ให้คุณภาพเสียงใกล้เคียงกัน ยกเว้นรายละเอียดช่วงปลายเสียงแหลม ความสดใส พลิ้ว และผลการแสดง แบบหน้าเวทีดนตรี Perl Pro จะเหนือกว่า รวมทั้งการตอบรับกับความชัดเจนของเสียงสนทนา การสื่อสารโทรศัพท์ หรือการเปิดรับ – ปิดรับโลกภายนอก

           สรุปว่า ระหว่างรุ่น Perl กับ Perl Pro เสียงออกแนวสะอาดน่าฟังมากๆ เฉกเช่นเดียวกัน แต่ดีเทล รายละเอียด เล่นกับ Perl Pro แล้วจะถอยหลังกลับยากเหมือนกันครับ เสียงที่มีเสน่ห์ละเมียดละไม เป็นหูฟังแบบสอดช่องหูที่เสียงใสโปร่ง สะอาดสะอ้าน แถมวิถีการฟัง เสมือนมีลำโพงไฮเอ็นด์คู่โปรดมาตั้งอยู่ตรงหน้าเลย เหมือนไม่ใช่เสียงจากหูฟังที่ดังในช่องหูเท่านั้น‼️

           นี่แหละ วิถีใหม่ของระบบ Dirac Virtuo / Spatial Audio: Dirac Virtuo ที่นำมาใช้กับเฮดโฟนบลูทูธ ทำให้โลกแห่งเสียงดนตรีมาปรากฏต่อหน้าได้อย่างเหลือเชื่อเลยทีเดียว นี่คือการฟังเฮดโฟน ที่สร้างปรากฎการ์น่าทึ่ง

          ถ้าอยากได้คุณภาพเสียงในแบบที่หูฟังรุ่นอื่นให้คุณไม่ได้ ก็ต้อง DENON Perl  ด้วยคุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยมในระดับออดิโอไฟล์ มีทุกอย่างครบถ้วนพอเพียงกับผู้รักในเสียงเพลงไร้สาย ไร้ขีดจำกัด ทุกที่ทุกเวลา และให้ความรู้สึกสัมผัสดนตรี ที่มีความเป็นตัวตนของคุณโดยเฉพาะ

          ส่วน DENON Perl Pro ดูจะก้าวล้ำไปอย่างสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีกระดับ จนถึงไฮเอ็นด์  เมื่อคุณต้องการรายละเอียดที่สูงเยี่ยม คุณภาพเพอร์เฟค ไร้สาย ไร้ขีดจำกัด ไร้ที่ติ สามารถสนองตอบเสียงเพลงที่งดงาม มีรายละเอียดระยิบระยับ ให้การใช้งานทั้งการสื่อสารครบถ้วน กลมกลืนเสมือนหนึ่ง หูฟังเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย นี่คือสมรรถนะของ DENON Perl Pro ครับ

หาซื้อได้ที่โชว์รูมมหาจักรทุกสาขา, Sound City, Dream Theater

และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด

โทร : 02-256-0020 ต่อ 1382, 1708 หรือ www.mahajak.com

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here