โซนี่ตอบรับตลาดถ่ายภาพมืออาชีพโต ส่งสุดยอดเลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ 2 รุ่นใหม่เสริมทัพ พร้อมกล้องฟูลเฟรมมิเรอร์เลสระดับเรือธง Alpha 9 II กับฟังก์ชั่นใหม่ที่ตอบโจทย์ช่างภาพสายอาชีพในอีกระดับ

0
6295

บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เดินหน้าขยายฐานกลุ่มคนรักการถ่ายภาพและช่างภาพมืออาชีพ พร้อมตอบรับความต้องการใช้งานได้อย่างตรงโจทย์ด้วยเทคโนยีอันทรงประสิทธิภาพ ด้วยการเปิดตัวกล้องอัลฟ่าฟูลเฟรมมิเรอร์เลสระดับเรือธง รุ่น Alpha 9 II (α9 II)  ที่พัฒนาขึ้นใหม่ล่าสุด ที่ต่อยอดสมรรถนะจากกล้อง Alpha 9 ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อใช้งาน   ล้ำสมัยที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของช่างภาพข่าว และสายกีฬาโดยเฉพาะ

เพื่อเพิ่มขีดประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างสะดวก แม่นยำ และฉับไวยิ่งขึ้น ควบคู่กับการเสริมทัพเลนส์ของโซนี่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของช่างภาพได้อย่างครอบคลุม ด้วยการเปิดตัวเลนส์ระดับซูเปอร์เทเลโฟโต้พร้อมกันอีก 2 รุ่น ได้แก่ เลนส์ไพรม์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ 600mm F4 G Master™ (รุ่น SEL600F4GM) ซึ่งเป็นเลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสไกลที่สุดของโซนี่ และยังมีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก    ในกลุ่มเลนส์ระดับเดียวกัน ที่โดดเด่นด้วยระบบออโต้โฟกัสอันทรงประสิทธิภาพ รายละเอียดสุดคมชัด และโบเก้ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยเลนส์ซูมซูเปอร์เทเลโฟโต้ในกลุ่ม G ซีรี่ส์ FE 200-600mm F5.6-6.3 G OSS (รุ่น SEL200600G) มาพร้อมระบบออโต้โฟกัสที่รวดเร็ว แม่นยำ และระบบควบคุมที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้การถ่ายภาพวัตถุเคลื่อนไหวเร็วมีความคมชัดในทุกรายละเอียด  ตอบโจทย์ช่างภาพมืออาชีพสายถ่ายภาพกีฬา ตลอดจนการถ่ายภาพนก และสัตว์ป่า เป็นต้น ซึ่งโซนี่มั่นใจว่าการเปิดตัวผลิตภัณฑ์กล้องอัลฟ่ามิเรอร์เลส และเลนส์ระดับซูเปอร์เทเลโฟโต้ออกสู่ตลาดในครั้งนี้ จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาด พร้อมทั้งเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจดิจิตอล อิมเมจจิ้งของโซนี่ยิ่งขึ้น

นางสาวลีลนา เพียรพิริยะ ผู้จัดการอาวุโสแผนกการตลาดผลิตภัณฑ์ดิจิตัล อิมเมจจิ้ง บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด กล่าวว่า “ความนิยมในการใช้กล้องดิจิตอล และเลนส์ในประเทศไทยยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงไลฟ์สไตล์การถ่ายภาพที่หลากหลายจึงจำเป็นต้องมีกล้อง เลนส์ และอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับการถ่ายภาพประเภทต่าง ๆ ปัจจุบันโซนี่ได้มีเลนส์ประเภทต่าง ๆ ครอบคลุมการใช้งานของช่างภาพตั้งแต่มือสมัครเล่น ไปจนถึงมืออาชีพ รองรับทั้งการถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอด้วยเลนส์ E-Mount จำนวนกว่า 54 รุ่น รวมถึงเลนส์ G Master อีก 10 รุ่น ครอบคลุมตั้งแต่เลนส์ไวด์ขนาด 12 ม.ม. ไปจนถึงเลนส์ซูเปอร์เทเล 1200 ม.ม. จะเห็นได้ว่าในปีนี้โซนี่ได้แนะนำกล้องใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล่าสุดหลายรุ่นด้วยกัน อาทิ Alpha 7R IV ความละเอียด 61 ล้าน พร้อมฟังก์ชั่นครอปเซ็นเซอร์ที่ 24 ล้าน, กล้อง Alpha 6600 และ Alpha 6100 ที่จับโฟกัสได้อย่างรวดเร็ว จนถึงกล้องรุ่นล่าสุด Alpha 9 II ที่สุดของในระบบโฟกัสทั้งความรวดเร็ว และแม่นยำ พร้อมเทคโนโลยี Real Time Tracking ทั้งคน และสัตว์ และทำงานได้ทั้งระบบถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอ อีกทั้ง ยังได้เปิดตัวเลนส์อีกหลายรุ่นด้วยกัน ซึ่งรวมถึงเลนส์ในตระกูล G Master และ G Series รุ่นใหม่ล่าสุดพร้อมกันอีก 2 รุ่น ได้แก่เลนส์ซูเปอร์เทเล 600F4 G Master™ และ 200600G    ที่เข้ามาเสริมทัพเลนส์ของโซนี่เพื่อตอบโจทย์ช่างภาพสายกีฬา ถ่ายภาพนก และสัตว์ป่าโดยเฉพาะ  ทั้งนี้ โซนี่ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีของเลนส์ทุกรุ่นร่วมกันกับกล้องโซนี่ เพื่อรีดประสิทธิภาพในการทำงาน และคุณภาพให้ออกมาดีที่สุดโดยเฉพาะเมื่อใช้งานร่วมกัน โซนี่มั่นใจว่าการเปิดตัวกล้องอัลฟ่า และเลนส์ใหม่ในครั้งนี้ จะสามารถขยายไลน์อัพให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าที่ชื่นชอบถ่ายภาพ ตลอดจนช่างภาพมือสมัครเล่น และมืออาชีพ และยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจดิจิตัล อิมเมจจิ้ง ของโซนี่อีกด้วย”

ผลิตภัณฑ์ดิจิตอล อิมเมจจิ้ง รุ่นใหม่จากโซนี่ประกอบด้วย

กล้องอัลฟ่ามิเรอร์เลส รุ่น α9 II (อัลฟ่า 9 มาร์ค ทู)

สุดยอดกล้องมิเรอร์เลสฟลูเฟรมระดับเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูลอัลฟ่า ที่ได้รับการต่อยอดจากความสำเร็จของกล้องรุ่น α9 ให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วขึ้นกว่าเดิมทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ

ทำให้เป็นกล้องประสิทธิภาพสูงที่รองรับการทำงานระดับมืออาชีพด้วย อีกทั้งยังตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพกีฬาและภาพสัตว์ในระยะไกลได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยฟีเจอร์เด่นมากมายเช่น Image Quality 24.2Mps / Speed 20 Fps / 0 Blackout (Blackout-Free) / FTP Connectivity

ด้วยเซ็นเซอร์ Full Frame Stacked Exmor RS CMOS ที่มีความละเอียดสูง 24.2 เมกกะพิกเซล พร้อมกับระบบวัดแสงอัตโนมัติที่ความละเอียดและแม่นยำสูงสุดที่ 60fps. ทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ 20 ภาพต่อวินาทีแม้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงน้อย อีกทั้งโฟกัสไม่หลุดออกจากวัตถุ โดยได้ภาพที่โฟกัสเข้าเป้าทุกภาพอย่างคมชัด และแม่นยำ โดยไม่มีอาการแบล็คเอาท์หรือเฟรมดำในช่องมองภาพ (Blackout-free) นอกจากนี้ ยังรองรับการถ่ายภาพต่อเนื่องแบบ Mechanic shutter ได้เร็วขึ้นที่ 10 ภาพต่อวินาที และเมื่อบันทึกเป็นไฟล์ RAW สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้มากถึง 239 ภาพ และ 361 ภาพเมื่อบันทึกเป็น JPEG รวมถึงสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยชัตเตอร์แบบกลไกได้เร็วขึ้นเป็น 10 ภาพต่อวินาที ยิ่งไปกว่านั้น กล้อง α9 II ยังโดดเด่นด้วยระบบประมวลผลภาพอันทรงพลังอย่าง BIONZ X ที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดียิ่งกว่ารุ่นเดิม เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถจับภาพได้อย่างรวดเร็วชัดเจนมากขึ้น พร้อมระบบโฟกัสแบบ Phase Detection 693 จุด ที่ครอบคลุมพื้นที่ในภาพถ่ายกว่า 93% และ Contrast Detection 425 จุด รวมถึงมีระบบ Fast Hybrid Auto Focus และ Real-time Eye AF ที่ช่วยให้การโฟกัสติดตามทั้งในส่วนดวงตามนุษย์และดวงตาสัตว์ได้อย่างง่ายดายและแม่นยำเพิ่มขึ้น แม้วัตถุจะเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก ทั้งยังมีการปรับปรุงการทำงานของระบบชัตเตอร์ใหม่ให้ไม่เห็นการเคลื่อนที่เล็ก ๆ ที่ทำให้เบลอได้ รวมถึงมีระบบป้องกันสั่นภายในตัวกล้อง 5 แกน และโหมด anti-flicker shooting ทำให้ทนต่อการสั่นไหว และสามารถจับภาพอย่างมีคุณภาพเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่หลอดฟลูออเรสเซนต์มีแสงน้อย พร้อมรองรับการบันทึกวิดีโอที่มีความละเอียดของภาพสูงสุดระดับ 4K อีกด้วย ขณะเดียวกัน ยังมาพร้อมฟังก์ชั่นใหม่ Voice Memo ที่ใช้งานร่วมกับ Imaging Edge สำหรับบันทึกเสียงพูดลงไปในไฟล์ภาพถ่ายได้ เพื่อช่วยให้การนำภาพมาใช้งานได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นโดยเฉพาะช่างภาพที่ต้องออกภาคสนามตลอดเวลาโดยสามารถแปลงเสียงเป็นข้อความได้ ขณะที่ตัวกล้องได้รับการปรับปรุงดีไซน์ใหม่ให้จับถนัดมือยิ่งขึ้น พร้อมคุณสมบัติกันฝุ่นและละอองน้ำได้ดีกว่าเดิม ทำให้มีความทนทานพร้อมลุยไปเก็บภาพได้ทุกที่ทุกสถานการณ์ ส่วนกล้องด้านหลังมีจอแสดงผลเป็น LCD ขนาด 3 นิ้วที่รองรับระบบสัมผัสแบบใหม่ พร้อมช่องมองภาพแบบ Quad OLED Tru-Finder ความละเอียด 3.69 ล้านพิกเซล ช่วยให้มองเห็นภาพได้คมชัดสมจริง ที่สำคัญ ยังรองรับพอร์ตเชื่อมต่อ 1000BASE-T Ethernet สำหรับการส่งไฟล์ภาพที่รวดเร็วขึ้นผ่านระบบ FTPS และมีช่องใส่การ์ด 2 ช่อง โดยมี 1 ช่องรองรับทั้ง UHS-I และ UHS-II พร้อมช่องเสียบ USB 3.2 Type-C รวมทั้งกริปใหม่ขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับการถ่ายภาพแนวตั้ง และปุ่ม Joystick เพื่อการควบคุมกล้องที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยกล้อง α9 II พร้อมวางจำหน่ายในวันที่ 15 พฤศจิกายน ศกนี้ ในราคา 149,990 บาท

เลนส์ G Master รุ่น FE 600mm F4 GM OSS (SEL600F40GM)

เป็นเลนส์ Super Telephoto ตัวใหม่ล่าสุดของตระกูล G Master โดยเป็นเลนส์ระยะไกลที่มีรูรับแสงขนาดใหญ่เพื่อตอบโจทย์การถ่ายภาพกีฬา ภาพสัตว์ และถ่ายระยะไกลระดับมืออาชีพโดยเฉพาะ ด้วยระยะยิงที่ไกลถึง 600 มม. พร้อมกับรูรับแสงกว้างสุดที่ F4 มีน้ำหนักเลนส์อยู่ที่ 3,040 กรัมเท่านั้น ซึ่งถือว่าเบาที่สุดในเลนส์ระยะเดียวกันในตลาด จึงทำให้สะดวกสบายในการพกพาและเพิ่มความคล่องตัวแบบที่ไม่เคยไม่มาก่อน โดยภายในประกอบด้วยชิ้นเลนส์พิเศษ XA 1 ชิ้น, ED 2 ชิ้น และ Fluorite 3 ชิ้น ช่วยให้ได้ภาพที่มีความละเอียดคมชัดและลดการเกิดความคลาดเคลื่อนของสีต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมี Blade Circular Aperture 11 ใบ พร้อมเคลือบด้วยเทคโนโลยี Nano AR Coating ช่วยให้ได้ภาพที่มีความละเอียดคมชัดสูงและลดความคลาดเคลื่อนของสี นอกจากนี้ ตัวเลนส์ยังใช้มอเตอร์ที่พัฒนาขึ้นใหม่แบบ Extreme Dynamic Linear Motor ถึง 2 ตัว ทำให้สามารถโฟกัสภาพได้รวดเร็วแม่นยำและเงียบกริบยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยระยะโฟกัสใกล้สุดอยู่ที่ 4.5 เมตร ทั้งยังมีระบบกันภาพสั่นไหว OSS ในตัว รวมถึงปุ่มปรับโฟกัสที่ปรับแต่งได้ใน 4 จุดแตกต่างกัน และ Full Time DMF ซึ่งจะช่วยปรับโฟกัสแบบแมนนวลได้อย่างฉับไวตลอดเวลา ขณะที่ตัวเลนส์ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันด้วยแมกนีเซียมอัลลอยที่มาพร้อมกับ ช่องใส่ฟิลเตอร์ (Drop-In Filter Slot) ซึ่งช่วยให้การใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น เลนส์ด้านหน้ายังเคลือบด้วยฟลูออรีน ทำให้มีความทนทาน รวมถึงกันฝุ่น รอยนิ้วมือ และละอองน้ำได้เป็นอย่างดีเพื่อให้ช่างภาพได้ลุยป่าเก็บภาพความประทับใจของฝูงสัตว์ได้อย่างสนุกสนานยิ่งขึ้น วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 459,990 บาท

เลนส์ G รุ่น FE 200-600mm F5.6-6.3 G OSS (รุ่น SEL200600G)

เป็นสุดยอดนวัตกรรมเลนส์สำหรับกล้องมิเรอร์เลส E-Mount รุ่นเรือธงที่ออกมาเสริมทัพเลนส์ตระกูล G ของโซนี่ โดยจุดเด่นอยู่ตรงที่นอกจากจะเป็นเลนส์ซูเปอร์เทเลซูมคุณภาพที่ให้ทางยาวโฟกัส 200-600 มม.แล้ว ยังได้รับการออกแบบมาให้สามารถต่อกับ Teleconverter 1.4x และ 2x ได้ ทำให้สามารถขยายความยาวโฟกัสได้ถึง 1200 มม. F13 โดยภาพยังมีคงคุณภาพสวยงาม จึงเป็นเลนส์ที่เหมาะสำหรับช่างภาพที่ชื่นชอบการถ่ายภาพกีฬา สัตว์ป่า และภาพระยะไกลอย่างสมบูรณ์แบบ โดยให้ค่ารูรับแสงกว้าง F5.6-6.3 ตลอดช่วงซูม พร้อมชิ้นเลนส์ 24 ชิ้น 17 กลุ่ม โดยมีชิ้นเลนส์แก้ว ED (Extra-low Dispersion) จำนวน 5 ชิ้น และเลนส์ Aspherical อีก 1 ชิ้น รวมถึงมี Blade Circular Aperture 11 ใบ เพื่อให้ได้โบเก้ที่สวยงาม พร้อมเคลือบด้วยเทคโนโลยี Nano AR Coating ช่วยให้ได้ภาพที่มีความละเอียดคมชัดสูงและลดความคลาดเคลื่อนของสี ยิ่งไปกว่านั้น ยังใช้ระบบมอเตอร์ความเร็วสูง Direct Drive Super Sonic Wave (DDSSM) ซึ่งนอกจากจะให้ความละเอียดสูงในการถ่ายภาพกีฬาและสัตว์จากระยะไกลได้อย่างรวดเร็ว เที่ยงตรง และแม่นยำแล้ว ยังทำงานได้เงียบปราศจากเสียงรบกวนด้วย โดยจับภาพได้ใกล้สุดที่ 2.4 เมตร ทั้งยังมีระบบกันสั่นในตัว รวมถึงมีวงแหวนโฟกัส มี Linear Response MF สำหรับการปรับโฟกัสแบบแมนนวล ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวด้วยมือได้อย่างฉับไวเหมาะกับสถานการณ์ในการถ่ายภาพต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ทั้งยังกันละอองน้ำและฝุ่นได้เป็นอย่างดี โดยเลนส์ G รุ่น FE 200-600mm F5.6-6.3 G OSS เริ่มวางจำหน่ายแล้ว ในราคา 69,990 บาท

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลโซนี่ โทร. 0-2715-6100 หรือเยี่ยมชม www.sony.co.th และทดลองสัมผัสประสบการณ์ถ่ายภาพด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำจากผลิตภัณฑ์ดิจิตัล อิมเมจจิ้ง ได้ที่โชว์รูมโซนี่ สโตร์ ทุกสาขา ร้านโซนี่ เซ็นเตอร์ และร้านผู้แทนจำหน่ายกล้องชั้นนำ